คุณเคยถามคำถามนี้กับตัวเองไหมครับ ทำงานทุกวัน ขยัน อดทน และตั้งใจอย่างสุดชีวิตเพื่อหาเงินแต่ก็ยังไม่มีเงินเก็บสักที เพราะกระบวนการที่คุณทำอยู่มันผิด มันไม่ถูกต้อง คุณลองวิเคราะห์กิจวัตรประจำวันของคุณดูนะครับ โดยเขียนลงบนกระดาษไปพร้อมๆกับการอ่านบทความนี้ได้เลย
เรามาดูก่อนว่า กระบวนการตอนนี้หรือกิจวัตรประจำวันตอนนี้ไปทิศทางใด เริ่มที่
1.รายรับ รายจ่าย ก่อนเลยครับ
คุณเห็นปัญหารึยังครับ รายจ่ายมันเยอะเกินรายรับ "แต่คุณไม่ได้ทำงานคนเดียวใช่ไหมหละ" ผมอยากให้คุณเขียนให้ละเอียดที่สุดเพราะนี้คือชีวิตของคุณเอง คุณต้องทำมันให้ดีที่สุดและรับผิดชอบให้ดีที่สุด คราวนี้มารวมรายรับรายจ่ายของแฟนคุณเข้าไปด้วย บวกลบกันแล้วเหลือเท่าไหร่ สมมุติเหลือ 5,000 นำไปฝากธนาคาร คุณจะใช้เวลา 16ปี6เดือน มีเงินฝาก1,000,000,บาท "เย้....ฉันมีเงินล้านแล้ว" ข้อเสียของมันคือ พอใช้ไหม สมมุติตอนนี้คุณอายุ 30 บวกกับ 16 ปี 6 เดือน เพื่อเก็บเงิน อายุคุณก็จะ 46 ปี 6 เดือน ถ้าเก็บ 2ล้านหละ บวกไปอีก 16 ปี 6 เดือน = 63 ปี ตอนนี้คุณมีเงินเก็บ 2ล้าน ถ้าคุณจะหยุดทำงานตอนอายุ 60 คุณมีเงินเก็บ 2ล้าน พอใช้ไหมครับ คราวนี้เรามาคำนวณรายจ่ายที่จำเป็นในแต่ละวันกันว่าพอใช้ไหม ค่าอาหาร อย่างเดียวเลยนะครับเพราะค่าอื่นๆ อนาคตเราไม่รู้ ค่ากับข้าวทุกวันนี้จานละ 40฿ 3คาบ = 120฿/วัน = 120 คูณ 365 (1ปี)เป็นเงิน 43,800฿/ปี คุณจะใช้เงิน2ล้าน หมดภายใน 45.6 ปี บวกกับอายุคุณตอนหยุดทำงาน(เกษียณ) 63+45.6= 108.6 ปี แต่คุณมีแฟนและลูก1 คนรวมเป็น 3 คน เท่ากับ 131,400฿/ปี เงิน 2ล้านจะหมดภายใน 15.2 ปี บวกกับอายุคุณ 63+15=78ปี ถ้าคุณไม่ตายคุณจะเอาเงินมาจากไหนเพื่อซื้อกับข้าวในวันต่อๆไป นี้คือค่าข้าวในวันนี้อนาคตจะแพงกว่านี้แน่นอน แล้วตอนนั้นคุณเดินไหวไหม คุณป่วยไหม ระหว่างนั้นคุณต้องใช้เงินในการจ่ายอะไรอีกรึเปล่านอกจากค่าอาหาร นี้คือบทสรุปคร่าวๆที่ผมเคยคิดกับชีวิตตัวเอง และผมก็เปลี่ยนมันก่อนที่มันจะมาถึงจนไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก ทุกวันนี้คุณใช้วิธีนี้อยู่รึเปล่า
สรุป ถ้าคุณกับแฟนเก็บเงินเดือนละ 5,000 ใช้เวลา 23ปี ได้ 2ล้าน หลังจาก60 คุณต้องใช้เงินวันละไม่เกิน 360 รวมลูกและภรรยา คุณจะมีเงินใช้ถึงอายุ 78 ถ้ามีค่าใช้จ่ายอย่างเพิ่มเข้ามา อาจจะลงลงเหลือ 70 ถ้าคุณป่วยต้องเข้าโรงบาลซึ่งมันเกิดขึ้นแน่นอน คุณอาจจะเหลือแค่65 ปี อย่างน้อยคือ 5 ปีก็หมด ถ้าคุณเก็บเงือนแต่ละเดือนได้น้อยกว่า 5,000 ผมบอกคุณได้เลยว่า คุณไม่รอดหรอก ถ้าตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงิน สิ่งที่ผมเขียนใว้ข้างบนคืออนาคตของคุณ ผมมีวิธีแก้แต่ยังไม่บอกตอนนี้ เรามาสำรวจตัวเองกันก่อน ว่าเป็นมายังไงจะได้แก้ถูก เหมือนไปหาหมออะครับ ต้องตรวจอาการก่อน อยู่ดีๆจะจ่ายยาเลยคงไม่ถูก ปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ให้คุณเขียนตามผมไปเรื่อยๆ แล้วเราค่อยมาสรุปกัน
2.นอกจากเวลางาน คุณทำอะไร?
ให้คุณเขียนว่าเวลาว่างหรือวันหยุดคุณทำอะไร นอน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ วาดรูป อ่านหนังสือ เล่นเน็ต เล่นเฟคบุ๊ค ตกปลา ตั้งวงกินเหล้า เดินห้าง เที่ยวทะเล เที่ยวต่างจังหวัด นั่งเล่น ไม่ได้ทำไร ถ้าคุณทำในทำนองนี้ แล้วเงินเก็บแต่ละเดือนก็ไม่มี คุณอาการหนักกว่าคนข้างบนอีกนะ แต่ถ้าคุณเก็บเงินได้เยอะกว่าคุณอาจจะรอด แต่ก็ไม่ต่างกันมาก "เขียนเสร็จยังครับ" โอเคไปต่อ
3.คุณมีความคิดที่จะทำธุรกิจส่วนตัวไหม
เขียนลงไปเลยครับว่า มี หรือ ไม่มี
4.คุณมีทัศนคติของคนรวยหรือคนจน
มันค่อนข้างยาวนะครับ รายละเอียดก็เยอะพอสมควร มันแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คนจน คนชั้นกลาง คนรวย คนต้องไปศึกษาเพิ่ม ผมจะอธิบายคร่าวๆให้พอเข้าใจ เราจะได้เขียนกันต่อ
4.1.ความคิดของคนรวย คนรวยเขาลิขิตชีวิตตัวเอง คนรวยยอมทำทุกอย่างแม้กระทั้งเลิกทำในสิ่งที่เขารัก เลิกคบเพื่อนที่คบมาตั้งแต่เด็กได้(เพื่อนที่กรีดขวางทางรวย เพื่อนที่คอยฉุดรั้งชีวิต)คนรวยมองเห็นโอกาส คนรวยคิดว่ามันจะสำเร็จเพราะฉันจะทำให้มันสำเร็จ ฉันมีเงิน1,000 ฉันจะซื้อของราคา50,000มันมีประโยชน์กับฉันมากขาดอีก 49,000 ฉันจะหาให้ได้
4.2.ฟ้าลิขิตให้ฉันเป็นแบบนี้ฉันก็ต้องเป็นแบบนี้ คนจนมองเห็นแต่อุปสรรค จะทำอะไรก็คิดถึงแต่อุปสรรค ฉันเหนื่อย ฉันไม่มีเวลา ฉันคิดว่ามันไม่ได้ผลหรอก ฉันคงไม่เก่งขนาดนั้น ฉันมีเงิน 1,000 ฉันจะซื้อของราคา50,000 มันแพงไปสำหรับฉัน จบ..ไม่เอา หาอันที่ถูกกว่าละกัน
พอเข้าใจคร่าวๆไหมครับ คุณลองไปศึกษาเพิ่มดูนะครับสำหรับเรื่องนี้เพราะว่าคุณได้ใช้มันแน่นอนและเราจะได้ใช้มันทำยารักษาให้คุณด้วย คุณมีทัศนคติแบบไหนเขียนลงเลย ถ้ามันดูกล่ำกึ่ง แสดงว่าคุณมีความคิดแบบคนชั้นกลาง
สาเหตุหลักๆ การที่คุณไม่รวยสักที คือ
1.งานที่คุณทำ
2.รายรับ-รายจ่าย
3.วิธีเก็บเงิน
4.ว่างๆทำอะไร
5.คุณคิดแบบไหน
ทั้ง 5 ข้อ คือกิจวัตรประจำวันที่คุณกำลังทำอยู่ มีเพียง ข้อแรกเท่านั้นที่สร้างรายได้ให้กับคุณ ที่เหลือคุณไม่ได้ทำให้มันเกิดรายได้เลย ซึ่งมันสามารถทำได้นะ
มาดูรายละเอียดของแต่ละข้อ แล้วรับยาไป คุณมีกระดาษอีกแผ่นไหมครับ ผมจะให้คุณเขียนว่าคุณเลือกข้อไหนในแต่ละหัวข้อ
1.งานที่ทำ
คุณเลือกได้นะ ว่าคุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ ถ้าคุณเคยอ่านหนังสือ เงินสี่ด้าน คุณคงเข้าใจแต่ถ้ายังไม่เคยอ่านผมจะอธิบายสั้นๆแล้วกันนะเพราะหนังสือเขาเล่มหนามาก"ผมคงพิมพ์ทั้งคืน" วิธีหาเงินมีสี่แบบ
1ลูกจ้าง ลูกจ้างใช้แรง+เวลา=เงิน ลูกจ้างจึงมีเพดานของเงินเดือน คือ ทำให้ตายก็ได้ไม่เกิน30,000/เดือน หรือ 300,000/ปี หรือคุณมีแรงแค่ไหนเขาก็จ้างไม่เกิน12 ชม/วัน นอกจากคุณจะเป็นผู้จัดการใหญ่ มันเลยทำให้เงินของคุณจำกัดอยู่แค่นั้น
2 ธุรกิจส่วนตัว คล้ายๆกับลูกจ้าง คือ แรง+เวลา=เงิน แต่ไม่มีเพดานเงินเดือนหรือรายได้ไม่จำกัด บางธุรกิจอาจมีเพดานเรื่องของเวลา ทำเยอะได้เยอะ ทำน้อยได้น้อย ใช่ว่าจะดีกว่าลูกจ้างนะครับ มันอยู่ในพื้นฐานเดียวกัน คือ แรง+เวลา ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งคุณจะไม่ได้เงิน แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ ผมเห็นเจ๊งกันมาหลายรายแล้ว คนที่ทำได้ก็มีเยอะ
3.ธุรกิจส่วนตัวแบบมีระบบ ไม่เหมือน2ข้อแรกนะครับเขาใช้ แรง+เวลา=ระบบ แล้วปล่อยให้ ระบบทำเงิน เช่น 7-11 เซเว่น ชายสี่หมี่เกี๊ยว พูดสั้นก็คือ ธุรกิจที่มีเครือข่ายเยอะๆ พวกนี้ไม่ต้องขายเองทั้งวันและทุกวัน เขาขายแค่ระบบ หรือชื่อร้าน ทำเสร็จแล้วเสร็จเลยแค่คอยปรับปรุงดูแลห่างก็พอ แต่รายได้ สูงเอาเรื่อง เพราะ เมื่อระบบเสร็จ เวลาก็ไม่เกี่ยว และไม่ต้องออกแรงอีกต่อไป ข้อนี้ดีตรงที่เมื่อคุณทำเสร็จเงินจะไหลมาตลอดโดยที่ไม่ต้องทำอะไรกับมันมากนัก อาจอาทิตย์ละครั้ง เดือนละครั้งก็พอ
4.นักลงทุน คือ คนที่ใช้ทุนทำเงิน "แน่นอนครับ คุณต้องมีทุน เช่น นักลงทุนในหุ้นถ้าจะเอา 3หมื่น/เดือน คุณต้องใช้ทุนประมาณ10ล้าน ส่วนนักลงทุนที่ดินอสังหาต้องใช้1ล้านขึ้นไป ถ้าทุนน้อยคุณต้องรอเวลาเพื่อรอราคาที่ดินขึ้นและรอคนมาซื้อ พื้นฐานของพวกนี้คือทุนอย่างเดียว ไม่มีเวลา ไม่มีแรงเข้ามาเกี่ยว "เวลา ในที่นี้ผมหมายถึง เวลาทำงานนะครับ" เข้าใจนะครับ
อย่างที่บอกหนังสือเขาหนามาก หากคุณต้องการรายละเอียดลองไปหาอ่านดู นี้แหละวิธีหาเงินที่คุณสามารถเลือกได้ คุณเลือกข้อไหนเขียนลงไป
2.รายรับ-รายจ่าย
ทุกคนต้องมีรายรับ-รายจ่าย คุณต้องควบคุมมันให้ได้ ไม่ใช่ให้มันมาควบคุมคุณ ตอนนี้คุณอาจจะควบคุมรายได้ของคุณอยู่คือขยันทำงาน ทำโอที รายจ่ายก็ควบคุมได้เช่นกัน ค่ารถ ค่าบ้าน ค่าโน้น นี้ นั้น คุณเห็นรถแข่งในสนามไหมครับไหมครับ คุณว่าเขาทำยังไงให้รถวิ่งเร็วที่สุด เครื่องยนต์(วิธีหาเงิน) น้ำหนัก(ภาระ) คนขับ(ตัวคุณ) คุณสามารถปรับแต่งมันได้ทุกอย่าง ถูกไหม คุณได้เลือกเครื่องยนต์ในข้อแรกไปแล้ว ก่อนอื่นให้คุณเขียนรายจ่ายมาก่อนอย่างละเอียดเลยนะครับ พอเขียนเสร็จ มาดูส่วนของน้ำหนักหรือภาระหรือรายจ่ายกัน คุณจะเอาส่วนไหนออกได้บ้าง ส่วนที่ไม่จำเป็น คุณรู้ไหมผมตัดอะไรออก ผมตัดบ้านออก ผมรู้สึกเบามากๆ และมันก็ไม่ใช่ปัญหาผมก็ไปเช่าบ้านอยู่ที่อื่น รายจ่ายเล็กๆน้อยๆผมก็ตัดออกหมด เพราะเมื่อผมรวยผมซื้อบ้านกี่หลังก็ได้ ลองเขียนแล้วตัดออกดูครับ มันคืออนาคตของคุณ คุณเลือกของคุณเอง
3.วิธีเก็บเงิน
คุณมีวิธีเก็บเงินยัง ยอดกระปุก ฝากธนาคาร ถ้าคุณทำ2สิ่งนี้อยู่คุณก็จะมีอาการเดิมๆ คือ เมื่อไหร่จะรวย คนรวยเขาเอาเงินไปเก็บใว้ที่ดิน ทองคำ ซื้อหุ้น ซื้อบ้าน ซื้ออะไรก็ได้ที่ราคามันไม่ลดลงใน5-10ปี ข้างหน้า นี้คือวิธีเก็บเงินที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เขียนลงไปอีกครับว่า คุณจะเก็บเงินซื้ออะไรที่มันจะมีมูลค่าเพิ่มในวันข้างหน้า เช่น ฉันจะเก็บเงินซื้อทอง ฉันจะเก็บเงินซื้อที่สวยๆสักแปลง ฉันจะเก็บเงินซื้อบ้าน เลือกเอาอันที่คุณคิดว่าคุณทำได้แบบง่ายๆก่อน เพราะว่าหากคุณเก็บอันเล็กๆวันข้างหน้าพอมันเยอะคุณสามารถเอามันมารวมกันเป็นก้อนที่ใหญ่กว่าเดิมได้
4.ว่างๆคุณทำอะไร
"นั้นนะสิ" ว่างๆทำอะไรดี ไม่ต้องคิดมากครับ ข้อนี้ชิวๆทำอย่างที่คุณเคยทำนั้นแหละครับ คุณชอบทำอะไรคุณก็ทำอันนั้นแหละ แต่เปลี่ยนจากการทำเฉยๆ ทำให้มันมีรายได้ด้วย เช่น คุณชอบวาดรูป คุณก็วาดรูปขาย คุณชอบนอนคุณก็เขียนวิธีทำยังไงให้นอนหลับขาย ขายในเน็ต ในเฟคบุ๊ค บางคนเขานอนไม่หลับต้องกินยาทุกวัน อะไรก็ว่ากันไป การกินยามันมีผลไม่ดีต่อร่างกายไม่มีใครอยากกินหรอก คุณชอบเที่ยวคุณก็ใช้วิธีนายหน้าหาคนมาเที่ยว โดยบอกกับเจ้าของสถานที่โรงแรม ที่พัก รีสอร์ท ว่าจะหาคนมาพักให้แต่ขอค่านายหน้าได้หรือส่วนแบ่งเล็กๆน้อยๆได้ไหม ประมาณนี้ครับ เปลี่ยนทุกอย่างที่คุณให้มันมีรายได้เข้ามาด้วย วันข้างไม่รู้มันอาจจะเป็นเงินก้อนโตให้คุณก็ได้ เขียนลงเลยครับว่าชอบทำอะไรบ้างอันไหนจะเปลี่ยนเป็นเงินได้ก็เน้นทำแต่อันนั้น คุณต้องมีความรู้เรื่องการตลาดคุณถึงจะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้
5.คุณคิดแบบไหน
นี้ก็เป็นชิ้นส่วนสำคัญมากเลยทีเดียวก็ว่าได้ ทั้งหมดที่คุณเขียนมาข้อนี้จะตัดสินให้คุณว่า จะทำ หรือ ไม่ทำ คุณต้องใช้ความคิดของคนรวยเท่านั้น เช่น คนรวยไม่สนใจคนอื่น
คนรวยยอมทำทุกอย่าง
คนรวยไม่ใช่นักพนัน
คนรวยลิขิตชีวิตตัวเอง
คนรวยเคยล้มเหลวหลายครั้ง
คนรวยช่วยเหลือคนอื่นเสมอ
คนรวยไม่พึ่งวาสนา
คนรวยพึ่งความขยัน อดทน ไม่ขี้เกรียจ
คนรวยรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเองสูง
คนรวยยกย่องคนรวย
คนรวยไม่ยอมเสียเวลา เวลาของเขามีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด
คนรวยเรียนรู้ตลอดเวลา
คนรวย คือฉัน ฉันคือ คนรวย
คุณต้องคิดเหมือนที่คนรวยเขาคิดให้ได้ ปรับปรุงสมอง จูนคลื่นให้ตรงกับความคิดของคนรวย คุณถึงจะรวย หนังสือเล่มแรกที่ผมอ่าน คือ ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน บอกเกี่ยวกับวิธีคิดของคนรวยได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว บางคนมีวิธีคิดของคนรวยอยู่แค่สบสนว่ามันใช่หรือไม่ใช่ให้คนลองไปหาอ่านดูเกี่ยวกับ วิธีคิดของคนรวย หรือ เรื่อง คิดบวก สิ่งที่คุณต้องเขียนลงในข้อนี้คือ ฉันคิดแบบคนรวย จบแล้วครับ
สรุป คือ คุณต้องสำรวจกิจวัตรประจำวันของคุณ ตั้งแต่ ทำงานอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ เก็บเงินยังไง เวลาว่างทำอะไร เสร็จแล้วมาปรับเปลี่ยนหัวข้อเหล่านี้ทำให้มันเกิดรายได้ ผมเชื่อว่าคุณทำได้ มันจะยากหน่อยแต่อย่าหยุดทำ
หากคุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ฝากแชร์ต่อเพื่อนร่วมโลกที่เขาต้องการแนวทางหรือคำชี้แนะด้วยนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่าน หรืออยากให้เขียนเรื่องอะไรบอกได้นะครับ
ติดตามบทความผ่านไลน์ได้ที่

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น