ทำแบบสุจริต หรือ ทำแบบทุจริต แล้วแต่คุณจะยึดมั่นในสิ่งไหน ขายของโกงตาชั่ง หลอกขายของให้ลูกค้า ฯลฯ ส่วนคำถามที่ว่า ทำงานอะไรดี? คำตอบคือ ดีทุกงาน ที่คุณถามแบบนี้ คุณต้องการอะไรกันแน่ระหว่างงานหรือเงิน
ขออนุญาตสมมุตินะครับ
คุณถามว่า "ทำงานอะไรดี ?"
ถ้ามีคนบอกคุณว่า "ขายของเหมือนพี่สิได้กำไร 5-6 หมื่น/ด" คุณจะบอกเขาว่า "โอย..ไม่ไหวมั้งพี่ หนูไม่ชอบขายของขี้เกรียจคุยกับคน เศรษกิจก็ไม่ดีขืนลงทุนไปมีแต่จะขาดทุนเงินยิ่งหายากๆอยู่"
เขาถามต่อ "งั้นลองเขียนเกมส์มือถือแบบเพื่อนพี่ไหมรายได้เดือนหนึ่งหลายแสนเลยนะ
คุณตอบว่า "นี้ขนาดหนูศึกษา photoshop ยังว่ายากเลยกว่าจะเป็น อ่านแล้วอ่านอีก พี่จะให้หนูไปเขียนโปรแกรมเลยเหรอ กว่าหนูจะเป็นถ้าไม่แก่ตายก่อนอาจจะสัก 1 เกมส์"
พี่เขาพูดว่า "E ba 555 มันก็ไม่ยากขนาดนั้น สมัยนี้มีโปรแกรมสำเร็จรูป เรียนนิดๆหน่อยๆก็ทำเกมส์ได้แล้ว
คุณตอบว่า"หนูว่า..ไม่ใช่แนวอะ มีอย่างอื่นไหม"
ถ้าเป็นแบบนี้คงคุยกันยาวนานมาก ไม่ว่าจะมีคนตอบคุณยังไงคุณจะแย้งเขาอยู่เสมอ คำตอบมีเพียง 1 ใน 100 หรือ 1 ใน 1,000 เพราะข้อจำกัดหลายอย่างที่คุณตั้งขึ้นมา ในเรื่องของ
1.ความคิด เป็นตัวกำหนดที่สำคัญที่สุด หากคำตอบที่ได้ไม่ตรงกับความคิดมันจะถูกปฏิเสธทันที 2.เวลา ถ้าคำนวณดูแล้วมันนานเกิน คงไม่ทันค่าใช้จ่าย คุณก็ไม่ทำ
3.เงิน เป็นในส่วนของการลงทุนที่ต้องใช้เงิน คุณอาจจะมีเงินน้อย หรือมีเงินพอสมควรแต่ไม่อยากเสี่ยง
4.แรงกาย อาจมีโรคประจำตัวหรือโรคที่เกิดจากความคิด แพ้อากาศ กลัวความสูง ขี้อาย พูดไม่เก่ง ฯลฯ
5.ความสามารถ ประเมินตัวเองต่ำ ยากเกิน ทำไม่ได้หรอก ไม่มีทาง ไม่ถนัด ไม่ชอบแนว
ถ้าเอาเรื่องพวกนี้มาตั้งเป็นข้อจำกัดหรือเหตุผลของการแย้งมันจะไม่มีอาชีพไหนดีสำหรับคุณเลย เดี๊ยวผมจะลองตอบคุณดูละกันนะ ว่าอาชีพไหนดี
1.ขายหมูปิ่งหรือไก่ทอด+ข้าวเหนียว ทำเลแถวโรงงาน สี่แยก จุดขึ้นลงรถพนักงาน เพราะเป็นพื้นที่เร่งด่วน ซื้อปุ๊บกินปั๊บ รายได้ดีกว่าขายเสื้อผ้า กางเกงเยอะ กำไร 30,000ขึ้นไปแน่นอน อยู่ที่ทำเลคุณด้วยนะถ้าไม่มีคู่แข่งคุณทำให้รสชาติพอกินได้ก็พอ (จากเรื่องจริง ชีวิตจริงไม่ใช้ตัวแสดงแทน) อาชีพค้าขายมีหลายปัจจัยนะครับ คุณต้องศึกษาใว้ด้วย ลองหาอ่านดูในบล็อคของผมเอานะ ถ้าไม่มีแสดงว่ายังไม่ได้ลง ลงแน่นอนครับแวะดูอาทิตย์ละครั้งนะ
2.ขายของออนไลน์ ทำที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้แค่คุณมีโทรศัพท์กับอินเตอร์เน็ต ไม่จำเป็นต้องพกสินค้าไปด้วย แต่ใช้ความรู้เยอะพอสมควรไม่งั้นคุณจะขายไม่ได้เลย หากคุณเคยทำมาแล้วและขายไม่ได้แสดงว่าความรู้ในเรื่องนี้คุณยังมีไม่มากพอ รายได้อยู่ที่ หลายหมื่นหลายแสนจนไปถึงหลายล้าน บอกเป็นตัวเลขไม่ได้ ถ้ามีคนบอกคุณว่า "ฉันก็เคยขายนะมันได้แค่ 5-6 พัน/ด เอง อย่ามาหลอกกัน" ในโลกออนไลน์มีคนตั้ง 1,000 ล้าน คิดจาก 1 ส่วน 7 ของคนทั้งโลก (ตัวเลขโดยประมาณ) แต่คุณขายได้แค่นี้ ผมเรียกว่าแค่นี้แล้วกัน แค่ขายให้ได้ 0.001% ก็ 10,000คน กำไร คนละ 10บาท =100,000 บาท สมมุติตัวเลขต่ำแล้วนะ ส่วนสินค้ากับวิธีการคุณศึกษาเพิ่มเอง ถ้าผมเขียนตอนนี้มันจะนอกเรื่องเกินไป
ทั้ง 2 ข้อนี้คุณมีเหตุผลใดมาแย้งที่จะไม่ทำไหมครับ ผมก็ไม่น่าถามเลย มีอยู่แล้วใช่ป่าว เพราะข้อจำกัดที่คุณตั้งเอาใว้ มีเพียง 1 คำตอบที่คุณยอมรับมันเป็นคำตอบที่ตรงกับข้อจำกัดของคุณพอดี
สมมุติว่าคุณต้องการเงินเดือน 30,000 ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร ทำที่บ้านได้ หรือใกล้บ้าน มีคนบอกคนว่า
"ทำเขียงหมูไหม ลงทุนสักหมื่นก่อน พี่เห็นเขาได้กำไรกัน 30,000-50,000 เลยนะ" คุณคิดต่อว่า "อืม...ก็ได้นะ เลาะหน่อยไม่เป็นไร ขายหน้าบ้านก็ได้" ถ้ามันตรงคุณถึงจะทำ ถ้าเขาเสนอรายได้ 1 แสน คุณปฏิเสธแน่นอน เพราะคุณตั้งใว้ 30,000 ถ้า 1แสน คุณจะคิดว่าคงลงทุนสูง ยาก นาน ไม่ทำไม่เอา มันอยู่ที่ข้อจำกัดคุณทั้งหมด เหมือนคุณวาดรูปแบบคร่าวๆใว้เหลือเพียงว่าอันที่วาดมันคืออะไร คุณจะถามคำว่า ทำงานอะไรดีไปเรื่อยๆ จนกว่ามันตรงกันกับที่คุณวาดคร่าวๆใว้ ส่วนเป็นงานที่ดีหรือไม่ดีนั้น ผมตอบไม่ได้มันอยู่ที่ดุลพินิจของคุณ โจทน์ของเราคือ ทำงานอะไรดี คำถามนี้ตอบคุณได้ทุกคนแต่มันจะตรงกับข้อจำกัดคุณไหม อันนี้ผมบอกเลยว่ายากอาจจะหลายปีหรือไม่ได้คำตอบเลย หรือคุณอาจจะโชคดีถาม 2-3 คนก็ได้แล้ว เอาล่ะ...ผมจะสอนวิธีง่ายๆตรงๆให้คุณ ทุกอย่างบนโลกเกิดขึ้นด้วยเหตุและผล เกิดเหตุจะต้องมีผล เกิดผลจะต้องมีเหตุ ผมขอใช้คำว่า ข้อจำกัด แล้วกันนะ ข้อจำกัดที่คุณตั้งขึ้นมันมาจากไหน มันมาจากความรู้ (ความรู้ในที่นี้ไม่ไช่ ม.3 , ม.6 , ป.ตรี , ป.โท ผมหมายถึงคุณรู้และเข้าใจอะไรบ้างในโลกนี้) ความสามารถและปัญหาชีวิตหรือความอยากของคุณในตอนนั้น ระหว่างที่คุณคิดว่าจะทำงานอะไรดี สมองได้ร่างรูปแบบคร่าวๆขึ้นมาให้คุณ สิ่งที่คุณทำต่อไปคือหางานที่จะมา mash เข้ากันลงตัว หากมีข้อใดที่ไม่ mash คุณจะปฏิเสธทันที เรื่องนี้คงต้องเจาะแบบลงลึกถึงจะเข้าใจ
มาดูที่รูปแบบคร่าวๆที่สมองสร้างขึ้นโดยประมวลผลจากความรู้ความสามารถและปัญหาชีวิตหรือความอยากของคุณ ผมจะอธิบายการประมวลผลของสมองว่ามันทำไมถึงออกมาเป็นรูปแบบคร่าวๆหรือข้อจำกัด ดังนี้
1.ความรู้ ในตอนนี้คุณรู้อะไรบ้าง มีอะไรบ้างบนโลก ลักษณะยังไงบ้าง มีคนบนโลกเท่าไหร่ ชิปรุ่นใหม่สุดความเร็วเท่าไหร่ ค่ารถโดยสารเท่าไหร่ จากที่นี้ไปจีนกี่กิโลเมตร เขาผลิตกระจกยังไง คนชอบเที่ยวที่ไหน ตลาดหุ้นเป็นไงบ้าง ค่าแรงขั้นต่ำเท่าไหร่ อะไรที่เรียกว่าทำเลดี 1+1=? เงินเดือนจ้าราชการเท่าไหร่ เงินเดือนช่างเท่าไหร่ ทุกอย่างที่คุณรู้ผมเรียว่าความรู้ของคุณ
2.ความสามารถ คุณทำอะไรเป็นบ้าง ขับรถ ขับมอไซ ทำอาหารอร่อย เชื่อมเหล็ก ตัดผม ซ่อมคอม ซ่อมโทรศัพท์ เดาเก่ง(ย้ำนะครับ-เดาเก่ง พวกนักวิเคราะห์)ซ่อมรถยนต์ ขับเครื่องบิน วิ่งเร็ว ดำน้ำเก่ง(ถ้า3วันโผล่ ผมเรียกว่าจมน้ำนะครับ) ปีนต้นไม้เก่ง อะไรก็ที่คุณทำได้จะเหมือนคนอื่นจะเก่งกว่าหรืออ่อนกว่าผมเรียกว่า ความสามารถของคุณ
3.ปัญหาชีวิต คำนี้ไม่ตายตัว แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน เช่น
ฮือๆ....ชีวิตฉันทำแต่งานทุกวัน บางคน ไม่คิดเลยมีงานทำทุกวันดีจะตายคิดแต่เรื่องกินกับเที่ยว
ทำไมฉันต้องขับรถไกลๆทุกวัน บางคน สบายใจไม่ต้องนั่งอยู่บริษัท
มันแล้วแต่ครับว่าคุณจะมองอันไหนเป็นปัญหา และปัญหานี้แหละมันจะถูกนำมาประมวลผลร่วม ถ้าอะไรๆก็คิดเป็นปัญหาหมดเหตุผลที่คุณจะแย้งมันยิ่งมีเยอะ พอมันเยอะตัวเลือกมันก็จะน้อยลงหรืออาจจะไม่เหลืออะไรเลย คุณจะไม่ได้คำตอบในโลกนี้ ผมแนะนำว่า สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำได้นั้นไม่ใช่ปัญหา อย่าไปคิดว่ามันยาก มันไม่ดี ไม่เอา ไม่ชอบ น่าเบื่อ เฉยๆใว้ไม่ต้องคิด อย่างขับรถไกลน่าเบื่อจังถ้าคุณเปลี่่่ยนจากน่าเบื่อจังเป็นฟังเพลงยาวๆดีกว่า("ฟังเพลงยิ่งเบื่อ") ผมแค่ยกตัวอย่างคุณหาอะไรทำแทนก็ได้ เห็นไหมว่า..ถึงความน่าเบื่อจะอยู่กับคุณตลอดทางหากคุณไม่สนใจสักพักมันก็หายไป
4.ความอยาก หรือสิ่งที่คุณอยากได้ อยากได้บ้านหลังใหญ่ๆ อยากได้รถใหม่ อยากอยู่บ้านทุกวัน อยากไปเที่ยวต่างประเทศ อยากมีเงินเยอะๆ อยากสวยอยากหล่อ อยากินอาหารดีๆ อยากให้พ่อแม่สบาย อยากมีสนามกอร์ฟ อยากได้โน่น นี่ นั่น
ทั้งหมดนี้จะถูกประมวลผลออกมาว่าคุณจะทำงานอะไรดี ถ้ามีคนตอบแล้วไม่ mash คุณปฏิเสธทันที ทุกข้อมีความสำคัญเท่ากัน ทั้ง 4 มันจะ mash กันลงตัวเรียบร้อย ถูกหรือผิดคุณไม่รู้
ยกตัวอย่างรูปแบบคร่าวที่สมองประมวลผลออกมา (แค่เป้าหลักๆนะครับ)
งานอะไรดีล่ะ คราวนี้...? ถ้ามันออกมาแบบนี้ คุณว่าจะมีใครตอบโจทน์ตัวนี้ได้ไหม นี้ยังไม่รวมส่วนย่อยๆนะ เดี๊ยวจะเข้าใจยาก ผมจะอธิบายรูปให้ฟัง ทำไมเขามีรายได้ 6 หมื่น เยอะกว่าเรามันต้องมีสักงานที่เราทำได้บ้างสิ เราขับรถได้แต่ไม่อยากทำอะไรยุ่งยากหรือทำนานๆ สักวันเราจะซื้อบ้านสวยๆสักหลังให้ได้ โอ้...พระเจ้า ได้โปรดประทานงานชิ้นโบว์แดงให้ข้าหน่อย ข้าจะทำมันอย่างดี ผมไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ฝันใว้เป็นไปไม่ได้ แต่ผมจะบอกว่ารูปแบบมันแย้งกัน คนขี้เกรียจจะมีเงินซื้อบ้าน 20 ล้านได้ไง คนรายได้ 60,000 ถึงคุณจะรู้ว่าเขาทำอาชีพอะไรแต่คุณไม่รู้ว่า...เขารู้อะไรบ้างบนโลกนี้ มันไม่สมเหตุสมผล มันไม่สามารถเกิดขึ้นด้วยเหตุแค่นี้ เหตุต้องมากกว่านี้ถึงจะได้ผลลัพธ์ตามที่วาดใว้ คุณไม่สนหรอกว่ามันถูกหรือผิดคุณสนแค่รูปแบบหรือข้อจำกัดของคุณ มันต้องมีงานอะไรสักอย่างที่ตรงกัน "ฉันต้องหาให้เจอ" คุณคิดแค่นี้
ผมจะอธิบายเรื่องของความไม่สมเหตุสมผลและอะไรที่มันแย้งกัน(ดูภาพประกอบด้วยนะครับ)
ยกตัวอย่าง 2อันแรกเลยความรู้ +ความสามารถ ตอนนี้คุณเงินเดือนเท่าไหร่ครับ สมมุติ 15,000 ฿ คุณวาดรูปแบบรายได้ที่ 60,000 ฿ ชื่อเรื่องของเราคือ ทำงานอะไรดี เมื่อคุณถามคำถามนี้จะมีภาพ 60,000 ลอยขึ้นมาด้วย คุณคิดยังไงคุณก็คิดไม่ออก ล้าน% เพราะอะไรรู้ไหม? ....เพราะว่า... ณ เวลานี้ ตอนนี้ ความรู้+ความสามารถ=15,000 ถ้าอยากได้ 60,000 ต้อง เพิ่ม ความรู้ กับความสามารถ โดยใช้เงินเป็นตัวตั้ง 15,000*4=60,000 เท่ากับว่าคุณต้องเพิ่มความรู้ความสามารถขึ้น 4 เท่า
คุณถึงจะคิดออก แบบนี้ค่อยสมเหตุสมผล อยู่ดีๆคุณนึกอยากหาอะไรทำที่มันได้เงินเยอะ คุณคิดไม่ออกหรอก พอคิดไม่ออกก็ไปถามคนโน้นคนนี้ มีคนเดียวที่เขาจะตอบคุณได้ คือ คนที่มีเงินเดือน 60,000 หรือราวๆนี้ ถ้าคุณจะก็อบก็ต้องก็อบให้เหมือนทุกอย่างความรู้ ความคิด ความสามารถ นิสัย ทุกอย่าง อันนี้ผมว่ายากเพราะคนเราไม่เหมือนกันข้อจำกัดหรือรูปแบบที่สมองวาดขึ้นย่อมต่างกันคุณอาจจะยอมรับไม่ได้บางเรื่องแล้วคุณก็ล้มเลิกเพราะเจอทางตัน วิธีที่ดีที่สุด คือ เพิ่มความรู้ด้วยตัวคุณเอง คุณไม่ต้องไปเสียเวลาถามตัวเองหรือถามคนอื่นว่า ทำงานอะไรดี? มันเสียเวลาเป็นเดือนๆ เป็นปีๆ แบบไม่ได้อะไร คุณเอาเวลาพวกนั้นไปทุ่มเทกับการหาความรู้เพิ่มจะดีกว่า ถ้าเงินหรือรายได้คุณเพิ่มแสดงว่าความรู้ความสามารถคุณได้ถูกเพิ่มขึ้นเช่นกัน
อะไรที่มันแย้งกัน คุณคงเดาออก ความขี้เกียจ เบื่อง่าย นั้นแหละครับ มันไปแย้งกับกลุ่มอื่นๆคุณว่าทุกวันนี้คุณขยันไหม? ขออณุญาติตอบแทนนะครับ "ขยันสิ" นี้ขนาดขยัน..ตอนนี้เงินเดือน 15,000฿ ถ้าขี้เกรียจคงได้ 60,000 เห็นไหมครับว่ามันแย้ง มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าอยากได้ 60,000 ต้องขยันมากกว่านี้ 4เท่า และลบคำว่า ขี้เกียจ น่าเบื่อ ออกไปใส่ ขยัน อดทน เข้าไปแทน
ส่วนบ้าน 20 ล้านเหมือนตัวล่อใจให้คุณพยายามคิดที่จะหางานที่ได้เงินเดือนหรือรายได้เยอะๆ หรือจะเรียกว่า แรงจูงใจ แรงผลักดัน อะไรก็แล้วแต่ ตรงนี้ไม่เสียหาย
สรุป
คงพอเข้าใจนะครับว่า ทำงานอะไรดี คำตอบเดิมครับ ดีทุกอาชีพดีทุกงาน ถึงมีคนชี้เป้าว่าอาชีพนี้ดี อาชีพนั้นดีกว่า คุณก็ไม่เอาอยู่ดีเพราะว่าข้อจำกัดของคุณเอง คุณไม่ต้องกังวนกับเรื่องนั้้นก็ได้ไม่ต้องแก้ไขมันก็ได้ คุณไปทุ่มเทกับการหาความรู้ความสามารถดีกว่า เมื่อความรู้ความสามารถเพิ่มสมองจะวาดข้อจำกัดให้คุณใหม่โดยอัตโนมัติเอง ถ้าคุณแย้งกลับมาว่า "แล้วถ้าฉันไม่มีความรู้เพิ่มแต่ฉันมีเครื่องมือดีๆที่ทำเงินได้เร็วหละ" ผมก็จะถามคุณว่า "แล้วรู้ได้ไงว่ามีเครื่องมือดีๆ" ไม่ว่าคุณจะรู้อะไรเพิ่มก็แล้วแต่มันคือความรู้ทั้งหมด คุณรู้ว่ามีเครื่องมือดีๆนี้ก็คือความรู้ใหม่ของคุณ
คุณจำใว้ว่า จงศรัทธาในตัวเอง อย่าประเมินตัวเองต่ำ ถ้าคุณอ่านเรื่องนี้แสดงว่าคุณกำลังหาวิธีสู่ความสำเร็จในชีวิต แต่ผมบอกตรงๆเลยนะครับว่า คุณต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีหัดทำอะไรยากๆใว้เพราะเส้นทางนี้ยากลำบากยิ่งนัก ไม่มีอะไรง่าย คุณต้องขยันมากๆ อดทนมากๆ มีวินัย ผมกำลังพูดถึงการเพิ่มความรู้ความสามารถ 1,000 เท่าหรือมากกว่า ถ้าคิดว่าทำได้ไปลุยกันเลย
เพื่อความสะดวกติมตามบทความผ่านไลน์ได้ที่

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น